สุขภาพดี ต้องเริ่มจากตัวเอง

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

อันตรายจากสารปนเปื้อนในอาหาร

                                     อันตรายจากสารปนเปื้อนในอาหาร



ที่ผ่านมามีกระแสระอุในโลกโซเชียลฯ อีกครั้งเกี่ยวกับการนำน้ำแข็งเก่ากลับมาใช้ใหม่พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าคนถัดไปแถมใช้หลอดซ้ำอีกด้วย เรื่องนี้ไม่รู้จริงเท็จอย่างไร แต่ประเด็นคำถามที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของอันตรายต่อร่างกายนั้น รุนแรงระดับไหนอย่างไร คือเรื่องที่เราจะมาพูดกันในครั้งนี้
จากข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสารปนเปื้อนในอาหาร ถือเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ในสังคมไทย ที่ผ่านมาพบว่าอาหารไม่สะอาดนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บได้ โดยการปนเปื้อนในอาหารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การปนเปื้อนทางเคมี การปนเปื้อนทางจุลินทรีย์ และการปนเปื้อนทางกายภาพ ยกตัวอย่างการปนเปื้อนทางเคมี มักเกิดจากการใช้สารเคมี เช่น การใช้สารบอแรกซ์ สารฟอร์มาลีน เป็นต้น ส่วนการปนเปื้อนทางจุลินทรีย์นั้น มักเกิดจากสุขลักษณะการผลิตไม่ดี และในส่วนของการปนปื้อนทางกายภาพ มักเกิดจากสิ่งแปลกปลอมที่เจือปนเข้ามา เช่น มีเส้นผมปนเข้ามาในอาหาร เป็นต้น อย่างเช่นการนำน้ำแข็งเก่ากลับมาใช้ใหม่รวมทั้งมีการใช้หลอดซ้ำ อาจมีโอกาสปนเปื้อนในอาหารทั้งทางจุลินทรีย์และทางกายภาพ

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

โรคเกาต์ ดูแลอย่างไรดี

โรคเกาต์ ดูแลอย่างไรดี


ทั้งนี้การตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกาต์ทำได้โดยการตรวจพบผลึกเกลือโมโนโซเดียมยูเรต จากน้ำไขข้อหรือก้อนที่เห็นเป็นตะปุ่มตะป่ำ เรียกว่าก้อนโทฟัส (tophus) อย่างไรก็ตามระดับกรดยูริกในเลือดสูงอย่างเดียวนั้น ยังไม่สามารถที่จะยืนยันว่าเป็นโรคเกาต์ได้ ต้องมีอาการปวดบวมที่ข้อ หรือพบก้อนโทฟัส (tophus) ร่วมด้วย1,2 โรคเกาต์ ถือเป็นโรคข้ออักเสบที่พบบ่อยมีอุบัติการณ์การเกิด 4.3 คนต่อประชากรไทย 100,000 คน3 พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะให้ผู้ป่วยรับมือกับโรคเกาต์ได้ คือความเข้าใจในตัวโรคและการดูแลที่ถูกต้อง